วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

กิจกรรมสะเต็มศึกษา เรื่อง ศรลมชวนคิด ชี้ทิศบอกทาง



 สะเต็มศึกษา

           คำว่า “สะเต็ม” หรือ “STEM” เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษของศาสตร์ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์(Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หมายถึงองค์ความรู้ วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ต่างๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน คำว่า STEM ถูกใช้ ครั้งแรกโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (the National Science Foundation: NSF) ซึ่งใช้คำนี้เพื่ออ้างถึงโครงการหรือโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตามสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้ให้นิยามที่ชัดเจนของคำว่า STEM มีผลให้มีการใช้และให้ความหมายของคำนี้แตกต่างกันไป (Hanover Research, 2011, p.5) เช่น มีการใช้คำว่า STEM ในการอ้างอิงถึงกลุ่มอาชีพที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี



การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มมีลักษณะ 5 ประการ
1. เป็นการสอนที่เน้นการบูรณาการ
2. ช่วยนักเรียนสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาวิชาทั้ง 4 กับชีวิตประจำวันและการทำอาชีพ
3. เน้นการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
4. ท้าทายความคิดของนักเรียน
5. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น และความเข้าใจที่สอดคล้องกับเนื้อหาทั้ง 4 วิชา


STEM Education
 STEM ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering and Mathematics เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่มีลักษณะของการบูรณาการการเรียนการสอนทั้งสี่สาขาเข้าด้วยกัน คือ วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในชีวิตประจำวัน โดยอาศัยการจัดการเรียนรู้ด้วยครูหลายสาขาร่วมมือกัน
 S Science เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาปรากฏการณ์
ต่างๆ ในธรรมชาติ โดยอาศัยกระบวนการสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry)
T - Technology เป็นวิชาที่ว่าด้วยกระบวนการทำงานที่มีการประยุกต์ศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มาใช้ในการแก้ปัญหา ปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือความจำเป็นของมนุษย์
E - Engineering เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกของมนุษย์ โดยอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และกระบวนการทางเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ชิ้นงานนั้นๆ
M - Mathematics เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับการคำนวณ หรือ วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ เป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาและต่อยอดทาง


มารู้จักกับศรลมกันเถอะ…..
ลมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ เมื่อลมมีการเปลี่ยนแปลงอัตราเร็ว หรือเปลี่ยนแปลงทิศทาง จะทำให้สภาพลมฟ้าอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไป นักอุตุนิยมวิทยาจึงจำเป็นต้องมีการวัดอัตราเร็วและทิศทางของลม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพยากรณ์อากาศ  เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดอัตราเร็วลม เรียกว่า มาตรวัดลม (Anemometer) เครื่องมือตรวจทิศทางของลมเรียกว่า ศรลม (wind vane)
ในการออกแบบศรลมควรนำความรู้เกี่ยวกับการหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิตต่าง ๆ มาใช้ ศรลมควรมีพื้นที่ บริเวณส่วนหางลูกศรมากกว่าบริเวณส่วนหัวลูกศร เนื่องจากเมื่อมีลมพัดผ่าน ลมจะปะทะกับหางลูกศรมากกว่าหัวลูกศรจึงทำให้ศรลมมีการหมุนจนกระทั่งศรลมลู่ขนานไปกับลม โดยหัวลูกศรชี้ไปในทศิทางที่ลมพัดมา ในการออกแบบศรลมควรพิจารณาถึงอัตราส่วนของพื้นที่บริเวณหัวและหาง การเลือกใช้วัสดุที่ทนต่อแรงลม หาได้ง่าย ในท้องถิ่น ต้นทุนต่ำและน้ำหนักที่เหมาะสมกับ



กรอบแนวคิด


 ศรลมชวนคิด ชี้ทิศบอกทาง

S : วิทยาศาสตร์
- ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ
- เครื่องมือพื้นฐานในการตรวจทิศทางลม
 T : เทคโนโลยี
- การเลือกใช้วัสดุ
 E : วิศวกรรมศาสตร์
- กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
(การสร้างศรลมที่บอกทิศทางได้แม่นยำ)
M : คณิตศาสตร์
- การหาพื้นที่รูปเรขาคณิตสองมิติ




โครงสร้างของระบบ





Input
   
      วัถตุประสงค์ คือ ศรลมสามารถบอกทิศทางของลมได้ โดยหัวลูกศรชี้ทางลมพัดมาด้วย
      สื่อ คือ ศรลม
      กิจกรรม คือ สะเต็มศึกษา

Process
     วิธีการเรียนการสอน คือ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
     วิธีการทดสอบ คือ ทดสอบศรลมกับพัดลม สามารถบอกทิศทางศรลมได้อย่างไร

Output
     ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามวัตถุประสงค์ คือ ศรลมสามารบอกทิศทางลมได้

Feedback
     การนำผลลัพธ์มาพิจารณาและแก้ไขข้อบกพร่อง คือ ถ้าศรลมไม่สามารถบอกทิศทางได้ก็ต้องมีการ ปรับปรุงแก้ไข










วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยฟ้าห่มปก ( อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ )

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริดอยฟ้าห่มปก
( อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ )
กรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่า และพันธุ์พืช



:: ความเป็นมา ::

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมี พระราชเสาวนีย์กับ คุณสหัส บุญญาวิวัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ให้พิจารณาหาพื้นที่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดตั้ง โครงการตามแนวทางบ้านเล็กในป่าใหญ่ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดย คุณสหัสฯ ได้ให้ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 16 (สำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่เดิมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งคณะทำงานได้คัดเลือกพื้นที่ดอยฟ้าห่มปก (ดอยผ้าห่มปกเดิม) ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ดำเนินงาน และ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรพื้นที่เป็นครั้งแรกและมีพระราชเสาวนีย์ ให้จัดตั้งโครงการ "บ้านเล็กในป่าใหญ่" ขึ้น
 
:: พระราชดำริ  สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ::
เมื่อ 24  เมษายน  2544 
ถ้าไม่มีป่าน้ำของเมืองไทยจะแห้งไปเยอะน้ำใต้ดินและน้ำอะไรจะแห้งไปหมด เพราะฉะนั้นลองดูอย่าง ชาติอื่นเขา ที่คนกับป่าเขาอยู่ด้วยกัน เราก็อาจจะทำเหมือนชาติอื่นเขาที่คนกับป่าเขาอยู่ด้วยกัน เราก็อาจจะสนับสนุนเรื่องเห็ด ก็ไม่ทราบว่าหน้าฝนในป่ามีเห็ดอะไร ขึ้นบ้าง ยังจะต้องศึกษาอีกเยอะ
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า อย่างพวกรักษาป่านี่ดี รับสั่งบอก พวกวัชพืช หญ้าอะไรบางอย่าง นี่ยังไม่ได้เข้าห้องทดลองดูว่าหลายอย่างเป็นยารักษาโรค ยาอะไร เราถางป่า เราทำลายทรัพยากรของเราเองโดยไม่ได้ให้โอกาสเลย
พื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาว เป็นพื้นที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ทดลองให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน โดยให้ราษฎรผู้เข้าร่วมโครงการ มีหน้าที่รักษาป่า และปลูกป่าเพื่อการใช้สอยของชุมชน ให้ปลูกป่าฟืน และทำเป็นธนาคารฟืน ปลูกไม้ใช้สอยและป่าสนด้วย
เมื่อวันที่  17   มกราคม   2545 
ธนาคารข้าว  ให้มีข้าวเต็มตลอดปี
 ปลูกต้นยูคาลิปตัส  เพื่อทำเป็นฟืน
ให้นำเบบี้แครอทมาทดลองปลูก เป็นพืชอาหาร
เมื่อวันที่  22  มีนาคม  2546 
การขยายเรื่องเห็ดในพื้นที่อื่น
ธนาคารข้าวให้มีข้าวตลอดอย่าให้ขาด
ให้หน่วยงานเกษตรเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องข้าว
ให้นำราษฎรไปฝึกอบรมที่ กองศิลปาชีพภูพิงค์
เมื่อวันที่  22 มีนาคม 2546 

 

:: พระราชดำริของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ::

ควรมีการเพาะเชื้อเห็ดและให้สามารถทำเชื้อเห็ดถุงได้เอง เพื่อการขยายผลและลดต้นทุนเพื่อเป็นโอกาสแก่ราษฎรต่อไป
 
:: วัตถุประสงค์ ::
  1. เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ ที่ให้ราษฎรยากไร้และสมัครใจเข้าร่วมโครงการ ได้มีที่อยู่ที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง
  2. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรให้ดีขึ้น รวมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมตามแนวทางคนอยู่ร่วมกับป่า ในลักษณะ “บ้านเล็กในป่าใหญ่
  3. เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม
  4. เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนต่อไป
 
:: เป้าหมาย ::
ราษฎรสามารถอยู่ร่วมกับป่าไม้ได้อย่างยั่งยืนและเกื้อกูลกัน โดยราษฎรมีความเป็นอยู่แบบพอเพียงตามวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง ตลอดจนเกิดจิตสำนึกมีอุดมการณ์ร่วมกันในการดูแลรักษาป่าต้นน้ำลำธาร รวมทั้งเป็นยามรักษาชายแดนแก้ไขปัญหายาเสพติดใน พื้นที่
 
:: กลยุทธ์ ::
"สร้างอาชีพในการรักษาป่า รักษาชายแดนโดยจัดตั้งหมู่บ้าน คัดเลือกคนเข้าไปเรียนรู้การดำรงชีวิตกับป่าอย่างถูกต้อง พร้อมกับสร้างความเข็มแข็ง โดยฝึกอบรมและมอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาป่าและเป็นยามชายแดน ต่อไป"
 
:: ที่ตั้งของโครงการ ::
 
ตั้งอยู่บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวง เขตอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พิกัด NC 193196 ห่างจากชายแดนประมาณ 7 กม. ที่ตั้งสนาม ฮ. พิกัด NC 190197 สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500-1,700 ม. ( MSL)
 
:: การคมนาคม ::
จากจังหวัดเชียงใหม่ ถึง ทางแยกบ้านห้วยป่าซาง ระยะทาง 165 กม. เป็นถนน ลาดยาง ตามทางหลวงหมายเลข 107 และ 1089 จากทางแยกบ้านห้วยป่าซางถึงโครงการฯ เป็นถนนลูกรังสลับกับถนนคอนกรีต ระยะทาง 18 กม. โดยถนนคอนกรีตจะสร้างในช่วงที่มี ความลาดชัน การเดินทางในฤดูฝน ค่อนข้างลำบาก
 
:: ด้านการจัดตั้งโครงการฯ ::
1. ด้านป่าไม้
1.1 จำแนกขอบเขตการใช้ที่ดินและขออนุมัติใช้พื้นที่ตามมาตร 19 แห่งพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และระเบียบกฏหมายที่เกี่ยวข้อง
1.2 ป้องกันไฟป่า 16,670 ไร่
1.3 อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้
1.4 สร้างโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับราษฎร
- ถนนป่าไม้
- สร้างบ้านราษฎร
- สร้างธนาคารข้าว
- สร้างระบบน้ำอุปโภค-บริโภค
2. ด้านการเกษตร
2.1 ส่งเสริมการปลูกข้าวนาดำ
2.2 ส่งเสริมการปลูกไม้ผล
2.3 ส่งเสริมการปลูกพืชไร่
2.4 ส่งเสริมการปลูกหม่อนเพื่อแปรรูป
2.5ส่งเสริมการปลูกพืชผักเพื่อเป็นแหล่งอาหาร
2.6ส่งเสริมการแปรรูปถนอมอาหารและการบริโภคอย่างถูกวิธี
2.7ส่งเสริมการทำและใช้สารชีวภาพ

4. ด้านปศุสัตว์
4.1 ส่งเสริมการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง
4.2 ส่งเสริมการเลี้ยงเป็ดเทศ
4.3 ส่งเสริมการเลี้ยงสุกรลูกผสมเหมยซาน

5. ด้านประมง
5.1 เพิ่มผลผลิตการประมงในแหล่งน้ำ 100,000 ตัว
5.2 สำรวจและติดตามการเพิ่มทรัพยากรสัตว์น้ำ
5.3 ส่งเสริมการเลี้ยงปลา - กบ



6. ด้านการพัฒนาที่ดิน
6.1 จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ
6.2 ปรับปรุงบำรุงดิน
6.3 สำรวจวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน
6.4 จัดทำคันคูรับน้ำขอบเขา

7. ด้านการจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุนโครงการ
- สร้างฝายเก็บน้ำแม่สาวตอนบนพร้อมระบบส่งน้ำ

8. ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการบริการขั้นพื้นฐาน
8.1 ให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน
8.2 ฝึกอาชีพให้กับราษฎร
8.3 บริการสาธารณสุข มูลฐาน และวางแผนครอบครัว
8.4 เฝ้าระวังโรคติดต่อในราษฎร
8.5 ติดตั้งระบบอัดประจุกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์

9. ด้านคุ้มครองป้องกัน และสร้างจิตสำนึก
9.1 ปลูกผังอุดมการณ์ของชาติ
9.3 ปฏิบัติการจิตวิทยาและสร้างจิตสำนึกให้กับราษฎร

 
:: สรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ::
ด้านการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน
- ทำการก่อสร้างบ้านตามวิถีชีวิตของชนเผ่า จำนวน 4 เผ่า รวม 41 หลัง
- จัดรูปแปลงนาและรังวัดแบ่งแปลงจำนวน 41 แปลงๆละ 4 ไร่
- ปรับพื้นที่ทำการเกษตรผสมผสานจำนวน 200 ไร่
ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตและปัจจัยพื้นฐาน
- สร้างธนาคารข้าว จำนวน 2 หลัง
- ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมโดยก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ในช่วงที่ลาดชัน
- ส่งเสริมด้านการเกษตรทำการทดสอบการปลูกข้าวไร่ และข้าวนาที่สูงพันธุ์น้ำรู และดรามู-ด๊ะ
- ส่งเสริมปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า , ชา, พลับ มาส่งเสริมให้ราษฎรทดลองปลูก
- ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุกรพันธ์เหมยซาน, ไก่พื้นเมือง, เป็ดเทศ เพื่อให้มีอาหารโปรตีนไว้บริโภค และจำหน่ายเป็นรายได้

- สนับสนุนพันธ์ปลานิล, ปลาไน รวมทั้งพ่อ - แม่พันธ์กบบูลฟร๊อก และกบเปอะ
- ทำการทดลองเลี้ยงปลากดหลวงและปลาเรนโบว์เทราท์
- ก่อสร้างฝายเกเบี้ยน จำนวน 1 แห่ง รวมทั้งสร้างบ่อเก็บน้ำความจุ 50,100 และ1,000 ลบ.ม. พร้อมทั้งจัดสร้างระบบน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม
- สนับสนุนถังเก็บน้ำ Fiber glass ขนาด 3,000 ลิตร ให้แก่ราษฎรหมู่บ้านละ 1 ถัง
- จัดตั้งศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" โดยจัดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมปลาย โดยมีนักเรียนบางส่วน ได้ส่งไปศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่ รร.ชาวไทยภูเขา อ.เชียงดาว
- สำหรับการส่งเสริมอาชีพ จัดให้มีการฝึกอบรมการทำเครื่องเงิน การปักผ้าอารยธรรม 4 เผ่า การทำแชมพูสระผมและน้ำยาล้างจาน
- ติดตั้งระบบอัดประจุแบตเตอรีไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ให้ทุกครัวเรือน และ เจ้าหน้าที่ในโครงการฯ ทำให้ราษฎรมีไฟฟ้าใช้และสามารถติดตามข่าวสารได้รวดเร็วขึ้น
 
:: ด้านสาธารณสุข ::
- จัดให้มีการอบรม กสค. และ อสม. ส่งผลให้ราษฎรดูแลกันเองได้ในขั้นต้น และมีความ เข้าใจด้านการสาธารณสุขดียิ่งขึ้น
- จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง

ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามแนวทางคนอยู่ร่วมกับป่า
- ได้ทำการรังวัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ , พื้นที่ป่าฟื้นฟูต้นน้ำลำธาร ,พื้นที่ป่าชุมชนเพื่อการใช้สอย , พื้นที่ป่าเพื่ออยู่อาศัยทำกิน โดยควบคุมให้เกิดความสมดุลระหว่างคนและทรัพยากรป่าไม้ที่มีจำกัดให้สอดคล้องกัน
- อบรมให้ความรู้ด้านการป้องกัน และควบคุมไฟป่า นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้ทรัพยากรจากพืชอาหารและยาจากป่า
- จัดทำธนาคารพืชป่าอาหารชุมชน
- สำรวจศึกษาและรวบรวมพืชสมุนไพรร่วมกับราษฎร
- จัดสร้างฝายต้นน้ำลำธาร( Check dam )
- เพาะชำหญ้าแฝกปลูกกันดินพังทลาย
- ปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำลำธารบำรุงรักษาป่าเปียกและป่าชุมชนเพื่อการใช้สอยร่วมกับราษฎรในโครงการฯ
ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
- ก่อสร้างหลุมหลบภัยกลุ่มบ้านละ 1 จุด
- ทำการฝึกอบรมราษฎรให้รู้จักการแจ้งเตือน การระวังป้องกันตนเองในขั้นต้นพร้อมทั้งปลูกฝังอุดมการณ์ให้ราษฎรมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมีความรักและหวงแหนในแผ่นดินไทยร่วมกับส่วนราชการในการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎร โดยเน้นความเป็นอยู่อย่างพอเพียง และ ให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้

 
:: สรุปผลการดำเนินงาน ::
นับตั้งแต่จัดตั้งโครงการฯ ในปี 2544 ด้วยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของทุกส่วน ราชการ ทำให้ราษฎรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้มีสาธารณูปโภคที่พอเพียงแก่การดำรงชีพได้รับการศึกษาและการเรียนรู้สามารถผลิตอาหารทั้งพืชผักและเนื้อสัตว์ไว้บริโภคได้เองรู้จักการดูแลสุขภาพของตนเองครอบครัวและชุมชน สามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชุมชนนี้จะสามารถอยู่ร่วมกับป่าและมีชีวิตความเป็นอยู่บนพื้นฐานของความพออยู่พอกิน พึ่งพา ตนเองได้ ตามวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ในพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
 
:: งานที่จะดำเนินการต่อไป ::
- สำรวจและศึกษาพืชสมุนไพร
- จัดทำธนาคารอาหารชุมชน
- ปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำลำธาร
- ปลูกและบำรุงป่าไม้ใช้สอย
- สร้างฝายต้นน้ำลำธาร
- ตรวจลาดตระเวนป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่าร่วมกับราษฎร
- ประชาสัมพันธ์ และพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
- พัฒนาการปลูกข้าว นาที่สูง - ข้าวไร่
- พัฒนาการปลูกไม้ผล
- พัฒนาพืชไร่
- พัฒนาระบบการปลูกหม่อนเพื่อการแปรรูป
- พัฒนาระบบการปลูกพืช
- ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร
- ส่งเสริมการปลูกพืชอาหารผักผลไม้ และการแปรรูปถนอมอาหาร
- ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรด้านต่าง ๆ
- ส่งเสริมและพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน
- จัดทำแผนที่ระดับขอบเขต
- สาธิต และส่งเสริมการทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยพืชสด
- จัดหาน้ำสนับสนุนการเกษตรและอุปโภคบริโภค
- ฝึกอบรมและสาธิตการเลี้ยงสัตว์
- อำนวยการ และตรวจติดตามประเมินผลโครงการฯ
 
:: ส่วนราชการร่วมโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ฯ ดอยฟ้าห่มปก ::
1. สำนักพระราชวัง
2.กองทัพภาคที่ 3 (กองพลพัฒนาที่ 3)
3. สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 16
4. หน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวง
5. อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง
6. สถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่
7. สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 เชียงใหม่
8. สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่
9. สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่
10. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเชียงใหม่
11. ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนจังหวัดเชียงราย
12. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่
13.โครงการชลประทานเชียงใหม่
14. สถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่
15. ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงใหม่
16. สำนักงานพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพื้นที่ ๑๐
17. หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32
18. อำเภอแม่อาย
19. องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สาว